ณ เช้าวันหยุดวันหนึ่งในมหานครกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นวันที่อากาศเย็นสดชื่นเหมาะแก่การทำกิจกรรมนอกบ้าน วันนี้โรงเรียนและธุรกิจห้างร้านหลายๆแห่งไม่ได้เปิดทำการ คุณหมอรัตนา มนต์ประจักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์สาธารณสุข 42 จึงได้ลงพื้นที่ออกตรวจสุขภาพคนในชุมชน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่กำลังสนุกสานกับการปั่นจักรยานในสนามวอลเลย์บอล ที่อยู่ไม่ไกลกัน ขณะที่เหล่าบรรดาผู้สูงอายุในชุมชนต่างก็นั่งรอพบหมอและคุยกันอย่างสนุกสนาน
สมาชิกชุมชนต่างก็มีความสุขที่ได้พบปะ พูดคุยกับเพื่อนๆระหว่างรอพบคุณหมอ คิวตรวจวันนี้เป็นเรื่องของการคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก รวมถึงการให้คำแนะนำการดูแลรักษาโรคอื่นๆ หลังจากนั้นไม่นานนักกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพชุมชนก็มาถึง พร้อมเริ่มสาธิตการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีให้กับสมาชิกทุกๆคนที่มาพบแพทย์ในวันนี้
สำหรับคุณหมอ รัตนา การลงพื้นที่ให้บริการทางการแพทย์กับสมาชิกชุมชน ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าถึงสมาชิกที่มีความยากลำบากในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยวันนี้ คุณหมอรัตนาและทีมพยาบาล ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการตรวจสุขภาพให้กับคนในชุมชน รวมทั้งสิ้น 64 คน โดยไม่ได้เก็บค่ารักษาพยาบาลใดๆ
อย่างไรก็ตามการดูแลด้านการแพทย์สำหรับสมาชิกชุมชนก็ยังถือว่าไม่เพียงพอ ซึ่งในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริการสาธารณสุข 42 คุณหมอรัตนา ต้องรับผิดชอบดูแลสมาชิกผู้อยู่อาศัยในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จำนวนรวมทั้งสิ้นเกินกว่า 170,000 คน จาก 53 ชุมชนในเขตบางขุนเทียน โดยแม้คุณหมอรัตนาและทีมพยาบาล จะมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือสมาชิกในชุมชน แต่ก็ยังมีเวลาไม่เพียงพอที่จะสามารถช่วยเหลือสมาชิกทุกคนๆในเขตบางขุนเทียนได้
“เวลา 1 วัน ในการพบปะกับสมาชิกชุมชน ไม่เพียงพอ เราไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดของแต่ละบุคคลได้มากนัก” คุณหมอรัตนา กล่าว
ชุมชนในเขตบางขุนเทียน ก็เหมือนกับชุมชนอื่นๆในประเทศไทย ซึ่งกำลังกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจัยนี้เองทำให้คุณหมอ รัตนา มีงานเพิ่มมากยิ่งขึ้น จากความต้องการในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ เช่นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และอัลไซเมอร์
ทุกๆคนควรได้รับสิทธิ์เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ซึ่งด้วยปัจจัยนี้เองมูลนิธิคีนันแห่งเอเชียจึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิไฟเซอร์ ริเริ่มโครงการโครงการ “ไฟเซอร์ รู้-เฒ่า(เท่า)-ทัน-สุข” และได้ทำงานร่วมกับ คุณหมอรัตนาและเจ้าหน้าที่จากศูนย์สาธารณสุข 42 เพื่อให้ชุมชนในเขตบางขุนเทียนเป็นชุมชนที่มีผู้สูงอายุสุขภาพดี และเป็นชุมชนต้นแบบให้กับเขตอื่นๆได้ต่อไป
โครงการฯนี้เริ่มต้นการทำงาน โดยการเข้าไปศึกษาระบบการดูแลรักษาพยาบาลและการใส่ใจสุขภาพของคนในชุมชน รวมถึงวิธีการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชน โดยอาสาสมัครแต่ละคนล้วนมีความสามารถในการเข้าถึงคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มคนผู้มีความเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ ซึ่งต่างก็เป็นเพื่อนเพื่อนบ้านและสมาชิกในครอบครัวของแต่ละครัวเรือน และด้วยความผูกพันของคนในชุมชนที่มีต่ออาสาสมัคร ทำให้สมาชิกในชุมชนล้วนมีความไว้วางใจ และอนุญาตให้เหล่าอาสาสมัครเข้ามาในบ้านเพื่อตรวจสุขภาพอย่างเป็นกันเอง รวมถึงได้แนะนำพูดคุยถึงแนวทางการรักษาพยาบาลเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
“ผู้คนในชุมชนต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นโครงการจึงถือว่ามีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”
ทีมพัฒนาชุมชนของคีนัน ได้เริ่มต้นภาระกิจในการสร้างองค์ความรู้ให้กับทีมอาสาสมัครด้านสุขภาพของชุมชน ในปี พ.ศ. 2560 ภายใต้ปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ ด้านกายภาพ (โภชนาการและการออกกำลังกาย) ด้านสุขภาพจิต และด้านสุขภาพทางการเงิน เพื่อให้อาสาสมัครเหล่านี้ มีความรู้พร้อมที่จะดูแลผู้สูงอายุ(60 ปีขึ้นไป) และกลุ่มเริ่มต้นสูงวัย (45-59 ปี) ในเขตบางขุนเทียน ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกอบรม โครงการฯ ก็ยังได้มอบเงินช่วยเหลือแก่อาสาสมัครกลุ่มนี้ เพื่อให้นำไปใช้ส่งเสริมการคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
จากทุนที่ได้รับ ทำให้อาสาสมัครสามารถเริ่มดำเนินการตรวจสุขภาพให้กับผู้สูงอายุที่ป่วยเรื้อรังตามบ้านพัก และยังได้สร้างสถานที่ออกกำลังกายชุมชน และสอนการทำสมาธิรวมถึงจัดกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพ และการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ อาสาสมัครกลุ่มนี้ก็จะคอยติดต่อกับคุณหมอรัตนาสม่ำเสมอและแจ้งข่าวกรณีสมาชิกฯต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทำให้การทำงานเปรียบเสมือนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างบุคลากรทางการแพทย์จากภาครัฐและกลุ่มอาสาสมัครชุมชน
คุณหมอรัตนา กล่าวเสริมว่า “ส่วนที่ท้าทายที่สุดในการทำงานก็คือ ก่อนหน้านี้ศูนย์สาธารณสุขไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในชุมชน” ตั้งแต่ “คีนัน” เชิญให้เข้าร่วมโครงการนี้ ก็ทำให้เราสามารถเข้าถึงชุมชนได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม”
ภายในระยะเวลาสามปีของโครงการฯ ชีวิตของผู้คนในบางขุนเทียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมื่อถูกถามเกี่ยวกับผผลลัพธ์ของโครงการฯ คุณหมอรัตนา ก็ได้ชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการดูแล และได้รับคำปรึกษาจนสามารถเอาชนะภาวะโรคซึมเศร้าได้ และยังมีสตรีอีกท่านที่ตั้งใจปรับพฤติกรรมจนสามารถลดน้ำหนักให้ลงมาอยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงสตรีอีกหนึ่งท่านที่ตั้งใจต่อสู้กับโรคความดันโลหิตจนกลายเป็นคนมีสุขภาพดีในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากการได้รับความรู้และความใส่ใจจากทีมงานของโครงการฯ ทำให้ผู้ป่วยได้รับโภชนาการที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการกระตุ้นให้ออกกำลังกาย จนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อตนเอง
“ การได้รับองค์ความรู้จากคีนัน ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม สำหรับทุกคนที่ทำงานด้านสาธารณสุข” ดร. รัตนากล่าว “ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย รวมถึงสภาวะด้านอารมณ์”
คุณหมอรัตนา เปรียบเหมือนเป็นคนแรกที่คนในชุมชนคิดถึงเสมอในเรื่องการดูแลสุขภาพ และยังถือเป็นผู้บุกเบิกสำหรับระบบการดูแลสุขภาพให้กับคนในชุมชน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งขึ้น ในการเตรียมพร้อมรับมือกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และได้ช่วยให้ผู้สูงวัย มีความรับผิดชอบในการดูและตนเอง และป้องกันตนเองจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โครงการ “ไฟเซอร์ รู้-เฒ่า(เท่า)-ทัน-สุข” จึงได้ขยายการสนับสนุนเงินทุนให้กับคุณหมอรัตนา เพื่อนำไปใช้ดูแลสมาชิกชุมชนบางขุนเทียนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ด้วยทีมอาสาสมัครชุมชนที่พร้อมอุทิศตนอยู่เคียงคู่คนในชุมชน และด้วยการฝึกอบรมและทุนสนับสนุนจากคีนัน ทำให้คุณหมอรัตนา สามารถหล่อรวมความเป็นหนึ่งเดียวของคนชุมชน ให้รู้จักการใส่ใจและห่วงใยสุขภาพซึ่งกันละกัน วันนี้ชุมชนบางขุนเทียนจึงมีระบบสาธารณสุขชุมชนที่ครอบคลุม และทำให้สมาชิกชุมชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
________________________________________
หากท่านสนใจบทความด้านสังคมผู้สูงอายุ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซด์ของคีนันที่ https://www.kenan-asia.org/nextgenaging/