ก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษา Hoang Manh Hoai ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตช่วงวัยเด็กของเขา ด้วยสภาพอากาศอันเลวร้ายนั้นได้ทำลายพืชผลในไร่ของครอบครัวเขาจนหมดสิ้น เรื่องเลวร้ายลงไปอีกเมื่อคุณพ่อล้มป่วยหนัก ทำให้รายได้หลักที่หล่อเลี้ยงครอบครัวหายไปเพียงชั่วข้ามคืน Hoai ลูกคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 7 คน ตระหนักได้ว่าเขาจะต้องเป็นเรี่ยวแรงหลักของครอบครัว ดังนั้นเขาจึงต้องลาออกจากโรงเรียนซึ่งเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
แต่โชคก็เข้าข้างครอบครัวของเขาในหนึ่งปีให้หลัง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา Hoai ใช้เวลาไปกับการดิ้นรนทำงานหนักเพื่อคนที่เขารัก ในความคิดของเขานั้น มันเป็นเหมือนตราประทับที่ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้ ทำให้เค้ารู้ถึงคุณค่าของการศึกษา
“ความรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุดดัง นั้นเราจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองในทุกวันๆ” Hoai กล่าวสะท้อนถึงความทุกข์ยากของครอบครัวของเขา เมื่อสามสิบปีก่อน “เมื่อเราเรียนแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ในตัวเรา”
การเรียนรู้ตลอดเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นได้นำพาให้ Hoai ผ่านการเรียนระดับมหาวิทยาลัย เขาได้รับปริญญาเอกด้านการแพทย์ และเข้าทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม (MOH) ซึ่งปัจจุบัน Hoai ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริการการแพทย์ของกรมสุขภาพ ในจังหวัด Binh Phuoc ประเทศเวียดนาม ซึ่งบทบาทหน้าที่คือ การดูแลการให้บริการของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยเกือบหนึ่งล้านคนในจังหวัดนี้ ความรับผิดชอบในตำแหน่งหัวหน้าคือการทำให้มั่นใจว่าคนพิการจะได้รับการดูแลและสนับสนุนอย่างที่พวกเขาต้องการ เพื่อนำไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพดี และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า
แต่ด้วยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่อย่างจำกัด Dr. Hoai จึงพยายามหาความรู้ใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงการให้บริการ มีเรื่องน่ายินดีคือ Dr. Hoai ตอบรับโอกาสที่จะเข้าร่วมโครงการศึกษาดูงานของการให้บริการผู้พิการในประเทศไทย ในเดือนเมษายนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โครงการนี้ดำเนินงานโดยมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย โดยโครงการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนโดยองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งนำโดยสถาบันการศึกษานานาชาติ
โครงการนี้ได้พาผู้กำหนดนโยบายของเวียดนาม และผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ 11 คนมาที่กรุงเทพฯ เพื่อมาศึกษาการดำเนินงานเพื่อส่งเสริม ฟื้นฟู รักษา และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการแบบบูรณาการในประเทศไทย ในระหว่างการเดินทาง Dr. Hoai ได้พูดคุยกับผู้กำหนดนโยบายการดูแลสุขภาพชั้นนำ ผู้บริหารโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในประเทศไทย ซึ่งได้แบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการบูรณาการการดูแลผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพที่มีผลกระทบสูง
Dr. Hoai เดินทางออกจากกรุงเทพฯด้วยแนวคิดใหม่ ๆ ในการปรับปรุงการพัฒนาประสิทธิภาพของบริการด้านสุขภาพ และได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ขาเทียมที่ทันสมัย และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ รวมถึงการไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาลและในชุมชนก็ทำให้เขาทำประทับใจเป็นอย่างมากเช่นกัน
“ผมพบว่าคนพิการไม่ว่าจะอยู่ในเวียดนามหรือไทย จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลจากชุมชน” Dr. Hoai กล่าว การที่ได้พูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในชุมชนทำให้
Dr. Hoai เห็นได้ชัดว่า เวียดนามยังขาดระบบการดูแลช่วยเหลือกันจากคนชุมชนและสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการลงเยี่ยมบ้านจากแพทย์อาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศไทย
จากแรงบันดาลใจด้วยรูปแบบของประเทศไทย ทำให้ Dr. Hoai เริ่มคิดวางแผนว่าจะพัฒนารูปแบบการสนับสนุนชุมชนในรูปแบบเดียวกันนี้ในจังหวัด Binh Phuoc ได้อย่างไร โดยมีเพื่อนร่วมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับคือ Dr. Le Anh Tuan, Dr. Phan Van Tap, and Dr. Nguyen Thanh Hoi มาช่วยในการทำงาน โดยเริ่มประเมินศักยภาพของแบบจำลองใน Binh Phuoc และสร้างสัมพันธ์กับสหภาพต่าง ๆ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญในท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการริเริ่มโครงการ (เช่น สหภาพสตรีท้องถิ่น และสหภาพผู้สูงอายุ) และได้พบทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการดำเนินการโครงการ
เพียงไม่กี่เดือนหลังจากการศึกษาดูงาน Dr. Hoai และทีมงานต่างก็ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในการดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพที่ตั้งอยู่ในชุมชน Tan Hiep ซึ่งเป็นศูนย์แห่งแรกของจังหวัด ศูนย์นี้คาดว่าจะเปิดปลายปี 2561 โดยที่นี่จะเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ และคนพิการในชุมชน ภายในศูนย์ยังมีอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นสำหรับการดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่นเดียวกับทีมแพทย์เฉพาะทาง และอาสาสมัครที่จะมีการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของผู้ป่วยเป็นประจำ เพื่อดูแลติดตามผลของผู้ป่วย และลดภาระครอบครัวของผู้ป่วยอีกด้วย
ด้วยจิตวิญญาณที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น การแสวงหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงงานของตนอย่างไม่เคยหยุดอยู่นิ่ง ซึ่งผลลัพธ์จากการศึกษาดูงานในประเทศไทย นั้นสามารถนำมาปรับใช้ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาการดูแลผู้พิการใน Tan Hiep อย่างแท้จริง และตัว Dr. Hoai เองก็ยังมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในอนาคตอีกด้วย