บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือภายใต้ โครงการ “Enjoy Science: สนุกคิด พลังวิทย์ เพื่ออนาคต”ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อแสดงเจตน์จำนงร่วมกันในการยกระดับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ให้กับกลุ่มโรงเรียนมัธยมระดับกลางและโรงเรียนขยายโอกาส จำนวน 92 โรงเรียน ในจังหวัดขอนแก่น ให้พร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองหน้าด่านทางการศึกษาของภาคอีสานอย่างยั่งยืน
นางหทัยรัตน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายด้านรัฐกิจและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า โครงการ “Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” เกิดขึ้นโดยความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย และ 7 องค์กรภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องตามนโยบาย ‘รัฐร่วมเอกชน’ ของรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์ในการมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรม(Engineering) และคณิตศาสตร์ (Math) หรือกลุ่มวิชา STEM ทั้งในการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพหรืออาชีวศึกษา อันจะเป็นพื้นฐานช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
“โครงการ Enjoy Science มุ่งเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยโครงการฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานพันธมิตรข้างต้นในระดับนโยบาย ตลอดจนสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น ตลอดจนโรงเรียน สถานศึกษา และชุมชน เพื่อยกระดับการเรียนการสอนด้านสะเต็ม โดยจะมีผู้ได้รับประโยชน์ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียนเยาวชน ชุมชน และแรงงานกว่า 500,000 คน ทั่วประเทศ”
“โดยจังหวัดขอนแก่นถือเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดนำร่องของโครงการที่เราจะดำเนินการในปีแรก นอกจากการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษาในวันนี้แล้ว เรายังได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารสถานศึกษา ให้แก่ผู้บริหารจากโรงเรียน 92 แห่ง เเพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนด้าน STEM เพิ่มศักยภาพของครูผู้สอน และสร้างความสนใจในการเรียนต่อในสาขาวิทยาศาสตร์ให้กับเยาวชนให้เกิดขึ้นภายในสถานศึกษาได้อย่างแท้จริง” นางหทัยรัตน์ กล่าว
ด้านนายจอห์น ฎะซิลวา ผู้อำนวยการฝ่าย Corporate Engagement มูลนิธิคีนันแห่งเอเซียเปิดเผยถึง ความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาไทยว่า “ด้วยภาพรวมคุณภาพการศึกษาเด็กไทยทั่วประเทศ กำลังอยู่ในสภาวะถดถอย เห็นได้จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ที่เด็กส่วนใหญ่ได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ขณะเดียวกัน ผลการสำรวจของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) ก็ระบุว่า มีเด็กไทยถึง 10% เลิกเรียนกลางคันและเรียนจบต่ำกว่าระดับ ม.3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพเยาวชนที่จะไปพัฒนาประเทศในอนาคต”
“ซึ่งปัจจัยสำคัญของปัญหา เกิดจากเด็กส่วนใหญ่ขาดทักษะและความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ที่เป็นหัวใจการเรียนรู้ทุกแขนง เนื่องด้วยพื้นฐานความเข้าใจที่ต่างกัน การใช้รูปแบบการสอนที่ขาดการเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กับความเข้าใจ เด็กจึงเบื่อหน่ายขาดความสนใจเรียนในที่สุด ดังนั้นการยกระดับการเรียนการสอนสองวิชานี้ จึงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ควรพัฒนาให้กับวงการการศึกษาไทย”
“เหตุผลที่เลือกจังหวัดขอนแก่นเป็นแห่งแรกในภาคอีสาน เนื่องจากมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคทางการศึกษา เป็นที่ตั้งของสถาบันอุดมศึกษา อาชีวศึกษาและโรงเรียนทุกระดับชั้นจำนวนมาก จึงเหมาะสมที่จะเป็นจังหวัดนำร่องในภาคอีสานก่อนขยายผลโครงการสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป” นายจอห์น กล่าว
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “จังหวัดขอนแก่น แม้จะมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค มีสถานศึกษาทุกระดับชั้นรวมกันเกือบ 1,500 แห่ง และถูกยกให้เป็นเมืองหน้าด่านทางการศึกษาของภาคอีสาน หากก็ยังประสบปัญหาทางการศึกษาเช่นกัน โดยเด็กขอนแก่นยังมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา(ประเมินจากค่าเฉลี่ย ONET ม.3) ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ ประกอบกับมีเขตพื้นที่มากถึง 26 อำเภอ 198 ตำบล ซึ่งลักษณะทางกายภาพต่างกัน เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และความพร้อมทางการศึกษา แต่ละปีจึงมีเด็กที่เลิกเรียนกลางคันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้น่าจะส่งผลดีโดยตรงต่อเด็ก เยาวชน บุคลากร ทั้งจะช่วยแก้ปัญหา พร้อมยกระดับภาคการศึกษาให้กับจังหวัดขอนแก่นได้อย่างยั่งยืนแท้จริง”
ส่วนศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุลรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหนึ่งในสถาบันที่เป็น ศูนย์รวมทางความคิด เป็นสติปัญญาของสังคม ยึดมั่นในความเป็นเลิศทางวิชาการ และเป็นกลไกในการพัฒนาให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการทุกสาขา ซึ่งรวมถึงด้านการศึกษา
ที่มุ่งเน้นการสร้างความโดดเด่นด้านการวิจัยที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางการวิจัยคณิตศาสตร์ศึกษาและวิทยาศาสตร์ศึกษา การผลิตครูเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบการศึกษาไทย ซึ่งการเข้าร่วมในโครงการนี้ จะมีบทบาทสำคัญ คือ เป็นผู้นำแนวทางและองค์ความรู้การพัฒนาครูที่ได้รับจากโครงการฯ ไปร่วมถ่ายทอดให้กับครูในจังหวัดขอนแก่นต่อไป ทั้งในอนาคตก็จะเป็นศูนย์กลางการสานต่อกิจกรรมเหล่านี้ หลังจากจบโครงการฯ
การลงนามบันทึกความร่วมมือในโครงการ ”Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” ถือเป็นการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันทั้งในภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา โดยจะมีการจัดทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ STEM ในปีแรก ใน 3 จังหวัดนำร่อง ทั้งขอนแก่น สงขลา และสมุทรปราการ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งระหว่างครูผู้สอนและนักเรียน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาในสาขา STEM อย่างยั่งยืนต่อไป