คุณฐานิกา บุญวัฒนาภรณ์ เจ้าของแบรนด์โรบีก้า (ROBECA) ผู้เริ่มต้นการผลิตเครื่องสำอางจากสมุนไพรไทยในจังหวัดนครปฐม มานานกว่า 5 ปี โดยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ครีมบำรุงผิวบางเบาและมีสัมผัสที่อ่อนโยนต่อผิว คุณฐานิกานับเป็นหนึ่งในคนไทยหลาย ๆ คนที่คาดหวังว่าจะนำพาตราสินค้าของตนก้าวไปไกลในระดับโลกให้ได้
คุณฐานิกาเริ่มต้นการประกอบธุรกิจโดยการจ้างบริษัทอื่นให้ผลิตครีมให้อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเธอพบว่าครีมที่สั่งผลิตนั้นมีกลิ่นเหม็นหืนจากน้ำมันที่ใช้ในการผลิต ด้วยเหตุนี้ เธอและสามีจึงมีความคิดที่จะผลิตครีมขึ้นเอง โดยสามีของคุณฐานิกา ซึ่งจบปริญญาโทหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมา ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สนับสนุนคุณฐานิกาให้เริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง
ด้วยความกระตือรือร้นในการผลิต ประกอบกับความรู้ในผลิตภัณฑ์ที่มี ทำให้คุณฐานิกาลืมที่จะตระหนักถึงวิธีการอื่น ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตจนบรรลุผลสำเร็จได้ กล่าวคือ เธอยังไม่สามารถหาวิธีการที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดได้ นอกจากนี้ คุณฐานิกายังคงประสบปัญหาในการจัดการและบริหารเงินทุนด้วย ทำให้เธอตระหนักได้ว่าเธอยังคงต้องการการสนับสนุนความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดและมีผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มก้าวหน้าสูง แต่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากก็ยังคงประสบกับปัญหาจากปัจจัยหลายด้าน รวมไปถึงการขาดทักษะในการจัดการธุรกิจ ทำให้พวกเขาไม่สามารถจัดการเงินทุนได้อย่างเป็นระบบและเข้าสู่วัฏจักรหนี้ในที่สุด
ในช่วงปลายปี 2559 คุณฐานิกาได้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรม “DIP Cosmetic Network 2017” ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย และได้ตัดสินใจเข้าร่วมกิจรรมดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 – มิถุนายน 2560 ซึ่งภายหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรม คุณฐานิกาได้เรียนรู้กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่จะทำให้ยอดขายสินค้าของเธอเพิ่มขึ้นได้ กล่าวคือ เธอได้เริ่มต้นเปิดเว็บไซต์ของตัวเองและโฆษณาสินค้าผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งสื่อเหล่านี้นับว่ามีอิทธิพลอย่างมากในสังคมไทย เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าร้อยละ 70 และยิ่งไปกว่านั้น กรุงเทพฯ ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ใช้เฟสบุ๊คมากที่สุดในโลกอีกด้วย สื่อเหล่านี้จึงนับเป็นกุญแจสำคัญของเครื่องมือทางการตลาดในปัจจุบัน นอกจากนี้ คุณฐานิกายังได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Top Thai Brands 2017 ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกด้วย การได้เข้าร่วมงานดังกล่าว ทำให้คุณฐานิกาได้เรียนรู้และเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดเครื่องสำอางในประเทศลาว และเกิดความกระตือรือร้นที่จะนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับเทคนิคทางการตลาดทั่วไป คุณฐานิกายังใช้โอกาสนี้ในการติดต่อกับผู้ขายรายย่อยในประเทศลาว ซึ่งกำลังทำการตลาดออนไลน์อยู่เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากความรู้ด้านการตลาดแล้ว คุณฐานิกายังได้รับความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรไทยจาก ดร.จิราภรณ์ ทองตัน อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งทำให้เธอสามารถนำไปต่อยอดความรู้ในธุรกิจเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนต่อไปได้
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและรูปแบบการติดต่อสื่อสารที่หลากหลายขึ้นกับผู้บริโภค คุณฐานิกาตระหนักว่า เครื่องสำอางไทยอาจจะประสบปัญหาอัตราการแข่งขันทางการตลาดที่สูงทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อการแข่งขันกับแบรนด์นานาชาติอื่นให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณฐานิกาวางแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ ISO โดยอาศัยการต่อยอดทางความรู้และการใช้โอกาสทางการตลาดที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์นั้น เป็นวิธีที่ทำให้คุณฐานิกาเชื่อว่าจะทำให้เธอมีโอกาสไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
อย่าลืมกดแชร์เรื่องราวของคุณฐานิกาเพื่อให้เส้นทางของเธอได้เป็นอีกสื่อหนึ่งในการให้ความรู้ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซียขอเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไปได้